" การอนุรักษ์ดินและน้ำ "
การอนุรักษ์ดินและการอนุรัก ษ์น้ำในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ ลำธารเป็นกิจกรรมซึ่งมีผลเก ี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน กล่าว คือ ในการอนุรักษ์ดินส่วนใหญ่เร าจะดำเนินการในด้านการลดควา มรุนแรงของน้ำที่ไหลบ่ามาบน ผิวดินมิให้ทำอันตรายต่อผิว ดิน โดยการชะลอความเร็วของกระแส น้ำที่ไหลหรือด้วยวิธีการเก ็บกักน้ำไว้ตามลำธารลำห้วยเ ป็นตอนๆ เพื่อที่น้ำจะได้มีโอกาสไหล ซึมลงไปเก็บสะสมอยู่ในดินให ้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงค่อยไหลระบาย ออกจากดินลงสู่ลำธารและลำห้ วยตลอดทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ ง ทำให้ลำธารและลำห้วยดังกล่า วมีน้ำไหลตลอดปี และอำนวยประโยชน์เกี่ยวกับค วามเป็นอยู่ตลอดจนการทำมาหา กินให้แก่ประชาชนที่อาศัยอย ู่ในเขตลุ่มน้ำอย่างทั่วถึง ดังวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ ำที่สำคัญต่อไปนี้
๑. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้ วยพืช โดยการปลูกต้นไม้หรือพืชคลุ มดิน เพื่อป้องกันการพังทลายของด ินในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธ ารที่ไม่มีป่าไม้ ด้วยพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับ พื้นที่และวิธีการปลูกดังนี ้
๑.๑ การปลูกพืชเป็นแนวตามเส้นชั ้นระดับเดียวกัน โดยการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ ่งเป็นแนวไปตามแนวเส้นชั้นร ะดับเดียวกันและตั้งฉากกับค วามลาดเทของพื้นที่
๑.๒ การปลูกพืชสลับเป็นแถบ โดยการแบ่งพื้นที่ปลูกพืชหล ายชนิดเป็นแถบสลับกันและตั้ งฉากกับความลาดเทของพื้นที่ มีอยู่ ๒ รูปแบบ คือ ปลูกเป็นแถบคดโค้งไปตามแนวเ ส้นชั้นระดับเดียวกัน และปลูกเป็นแถบตั้งฉากกับคว ามลาดเทเป็นแนวตรงขนานกัน
๑.๓ การปลูกพืชหรือใช้วัสดุคลุม ดินสำหรับพื้นที่บางแห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าดินถ ูกน้ำและกระแสลมกระทำโดยตรง และยังเป็นการลดการระเหยของ น้ำออกจากดินมากเกิดขอบเขตอ ีกด้วย พืชคลุมดิน ได้แก่ พืชตระกูลถั่วและหญ้าบางชนิ ด ส่วนวัสดุคลุมดินได้แก่เศษพ ืช เป็นต้น
๑.๔ การปลูกต้นไม้หรือพืชหลายอย ่างในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้ใบพืชต่างๆสามารถคล ุมพื้นที่ได้มากที่สุด เพื่อลดการถูกชะล้างพังทลาย ของดินและช่วยรักษาความชื้น ในดินด้วย
๒. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้ วยการก่อสร้าง โดยทั่วไปการปลูกต้นไม้หรือ พืชคลุมดินในบริเวณพื้นที่ต ้นน้ำลำธารซึ่งมีความลาดชัน มากแต่เพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถชะลอความเร็วของ น้ำที่ไหลบ่ามาบนผิวดินได้ด ีเท่าที่ควร จึงนิยมก่อสร้างหรือดัดแปลง สภาพพื้นที่ร่วมกับวิธีการอ นุรักษ์ด้วยพืช เพื่อช่วยลดความรุนแรงของน้ ำที่ไหลบ่ามาดังกล่าว นอกจากนั้น ตามร่องน้ำและลำธารต่างๆ จะนิยมก่อสร้างหรือหาวิธีเก ็บกักน้ำไว้เป็นระยะๆ อีกด้วยสำหรับใช้ชะลอความเร ็วของกระแสน้ำ และน้ำที่กักกั้นไว้ก็จะซึม เข้าไปเก็บขังอยู่ในดินตามต ลิ่ง และท้องน้ำได้มากขึ้น วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้ วยการก่อสร้างที่สำคัญ มีดังนี้
๒.๑ การก่อสร้างคันดิน โดยการก่อสร้างคันดินกั้นน้ ำห่างกันเป็นระยะๆตลอดความย าวของพื้นที่ลาดเอียง ซึ่งคันดินแต่ละแนวจะสร้างไ ปตามพื้นดินที่มีระดับดินเท ่า กันโดยประมาณ หรืออาจสร้างมีแนวลาดลงสู่ท ี่ต่ำทีละน้อยพร้อมกับขุดร่ องน้ำที่มีลักษณะแบน และตื้นอยู่ทางด้านหน้าติดก ับคันดินด้วย เพื่อจะได้ระบายน้ำที่คันดิ นกั้นไว้ออกไปจากพื้นที่ลงส ู่ร่องน้ำและลำธารต่อไป
คันดินที่ก่อสร้างขึ้นควรมี ลักษณะเตี้ยและแบน มีระยะความสูงของคันไม่เกิน ๓๐ เซนติเมตร และขนาดความกว้างของฐานคันด ินกับความกว้างของร่องน้ำคว รมีระยะรวมไม่น้อยกว่า ๕ เมตร เพื่อให้คันดินมีความมั่นคง แข็งแรง และสร้างด้วยเครื่องจักรกลไ ด้สะดวก
๒.๒ การก่อสร้างขั้นบันได ในบริเวณลาดเนินเขาทั่วไปสม ควรขุดตักดินเป็นขั้นบันไดห ่างกันเป็นระยะตลอดความยาวข องพื้นที่ลาดเนิน โดยเลือกขั้นบันไดดังกล่าวใ ห้เหมาะสมกับสภาพท้องที่ดัง ต่อไปนี้
๑) ขั้นบันไดแบบราบ มีพื้นที่ขั้นบันไดอยู่ในแน วระดับ และนิยมสร้างคันดินเพื่อกั้ นน้ำที่ขอบบันไดทุกชั้นด้วย เหมาะสำหรับท้องที่ซึ่งมีฝน ตกชุกและต้องการเก็บขังน้ำไ ว้ใช้เพาะปลูกพืชตามขั้นบัน ไดดังกล่าว
๒) ขั้นบันไดแบบลาดเทออกมีพื้น ที่ขั้นบันไดลาดเทออก สามารถใช้ได้ผลดีเฉพาะในท้อ งที่ซึ่งมีฝนตกน้อย
๓) ขั้นบันไดแบบลาดเทเข้ามีพื้ นที่ขั้นบันไดลาดเทเข้า ซึ่งจะสามารถดักและเก็บขังน ้ำอยู่ตามขั้นบันไดได้ จึงเหมาะที่จะก่อสร้างในภูม ิภาคที่มีฝนตกชุก
การอนุรักษ์ดินและน้ำในบริเ วณพื้นที่ลาดเอียงโดยวิธีกา รก่อสร้างคันดินและขั้นบันไ ดดังกล่าว สมควรปลูกต้นไม้หรือพืชคลุม ดินให้ทั่วทั้งบริเวณ ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มประสิ ทธิภาพในการป้องกันการพังทล ายของดิน และทำให้พื้นที่ต้นน้ำลำธาร บริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น
๒.๓ การก่อสร้างฝายปิดกั้นทางน้ำ ตามร่องน้ำและลำธารต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งถูกทำลายจนมีสภาพเสื่อม โทรมควรพิจารณาสร้างสิ่งก่อ สร้างปิดกั้นลำน้ำที่เรียกว่า "ฝาย" เป็นระยะๆ เพื่อใช้ทดและเก็บน้ำที่ไหล บ่าลงมาไว้ในลำน้ำคล้ายกับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กให้กระจา ยอยู่ทั่วไปตามบริเวณพื้นที ่ต้นน้ำลำธารโดยน้ำที่เก็บก ักนี้จะซึมเข้าไปในดินตามตลิ่งและท้องน้ำ เข้าไปเก็บอยู่ในช่องว่างระ หว่างเม็ดดินทำให้น้ำที่เก็ บกักอยู่ในดินตามบริเวณต้นน้ำลำธารนั้นมีปริมาณเพิ่มมา กขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้พื้นที่บริเวณต้นน้ำลำ ธารดังกล่าวเกิดความชุ่มชื้ นและมีน้ำไหลอกจากดินหล่อเลี้ยงลำธารตลอดปี
ฝายที่สร้างปิดกั้นทางน้ำใน บริเวณต้นน้ำลำธาร อาจสร้างด้วยวัสดุซึ่งมีราค าถูก และหาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ ไม้ไผ่ เสาไม้ ทราย และกรวด เป็นต้น โดยนำเสาไม้ มาตอกให้ห่างกันเป็นระยะๆ ขวางทางน้ำให้ได้หลายแถวตาม ที่ต้องการ และนำไม้เคร่ามาตอกติดกับเส าแล้วกรุด้วยไม้ไผ่ติดกับเค ร่าพร้อมกับสะกิ่งใบไม้และอ ัดกรวดทรายลงไปในคอกให้เต็ม หรือฝายในบางท้องที่อาจใช้ว ัสดุก่อสร้างอันประกอบด้วยก ้อนหินขนาดต่างๆ นำมากองก่ายเป็นรูปคล้ายสี่ เหลี่ยมคางหมูขวางลำน้ำ โดยในช่องว่างของหินขนาดใหญ ่แต่ละชั้นบรรจุด้วยกรวดและ หินย่อยขนาดเล็กลงไปจนเต็ม ซึ่งฝายที่สร้างด้วยหินดังก ล่าวนี้จะต้านทานน้ำที่ไหลผ ่านตัวฝาย และน้ำที่ล้นข้ามสันฝายได้เ ป็นอย่างดี
เมื่อต้องการสร้างฝายให้มั่ นคงแข็งแรง และเก็บขังน้ำได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางน้ำที่ มีน้ำไหลแรงในฤดูฝนก็จะต้อง ใช้วัสดุที่มีความคงทนถาวรเ ป็นหลัก ได้แก่ หิน ซีเมนต์ และคอนกรีตล้วน โดยมีการคำนวณออกแบบกำหนดสั ดส่วนของฝายให้เหมาะสมกับภู มิประเทศ ให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่ค าดว่าจะมีมามากที่สุดให้ไหล ข้ามฝายไปได้อย่างปลอดภัย และจะต้องทำการก่อสร้างให้ถ ูกวิธีด้วย
การอนุรักษ์ดินและการอนุรัก
๑. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้
๑.๑ การปลูกพืชเป็นแนวตามเส้นชั
๑.๒ การปลูกพืชสลับเป็นแถบ โดยการแบ่งพื้นที่ปลูกพืชหล
๑.๓ การปลูกพืชหรือใช้วัสดุคลุม
๑.๔ การปลูกต้นไม้หรือพืชหลายอย
๒. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้
๒.๑ การก่อสร้างคันดิน โดยการก่อสร้างคันดินกั้นน้
คันดินที่ก่อสร้างขึ้นควรมี
๒.๒ การก่อสร้างขั้นบันได ในบริเวณลาดเนินเขาทั่วไปสม
๑) ขั้นบันไดแบบราบ มีพื้นที่ขั้นบันไดอยู่ในแน
๒) ขั้นบันไดแบบลาดเทออกมีพื้น
๓) ขั้นบันไดแบบลาดเทเข้ามีพื้
การอนุรักษ์ดินและน้ำในบริเ
๒.๓ การก่อสร้างฝายปิดกั้นทางน้ำ ตามร่องน้ำและลำธารต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
ฝายที่สร้างปิดกั้นทางน้ำใน
เมื่อต้องการสร้างฝายให้มั่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น